วันจันทร์ที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

สมุนไพรจีนและอาหารจีน

หากพูดถึงสมุนไพร เราต่างก็รู้จักกันดี ในแต่ละท้องถิ่นของแต่ละประเทศ มีการใช้สมุนไพรมาตั้งแต่โบร่ำโบราณ โดยภูมิปัญญาเหล่านั้นบรรพบุรุษของแต่ละเผ่าพันธุ์ได้ลองผิดลองถูกและจดบันทึกไว้สืบทอดมาจนถึงลูกหลานในปัจจุบัน จนสามารถนำมาใช้ได้อย่างมั่นใจในสรรพคุณ เช่นเดียวกับคนไทยที่มีตำรายาโบราณที่มีส่วนผสมของสมุนไพรมากมายหลายชนิด ซึ่งบางตำราก็ไม่ใช่สมุนไพรไทยทั้งหมดยังมีสมุนไพรจีนผสมหรือแทรกเข้ามาด้วย

ในตำราแพทย์แผนจีนโบราณได้รวบรวมแนวทางหลักในการรักษาผู้เจ็บป่วยไว้ 2 ประการคือ
1. การรักษาแบบองค์รวมเป็นการรักษาที่ครอบคลุม
2. การรักษาที่ดูจากสภาพแวดล้อมภายนอกซึ่งโดยปกติแล้วแพทย์จีนจะแบ่งพื้นฐานสุขภาพ
ออกเป็น 4 แบบ คือ
2.1 พวกหยางแข็งแรง
2.2 พวกหยินแข็งแรง
2.3 พวกหลางอ่อนแอ
2.4 พวกหยินอ่อนแอ

การรักษาของแพทย์จีน จึงเน้นไปที่การปรับสมดุลมีหลายวิธีเช่น การฝังเข็ม การนวดกดจุด การใช้สมุนไพร

เราจะมาพูดถึงพืชผักที่มักเจอในอาหารจีนกันดีกว่า แยกเป็นสมุนไพรที่ออกฤทธิ์ต่างกันดังนี้
 สมุนไพรจีนที่มีฤทธิ์อุ่น
1. กุยช่าย สรรพคุณ มีฤทธิ์อุ่นรสเผ็ด แก้อักเสบและการติดเชื้อ แก้ผื่นคันและแมลงกัดต่อย แก้หวัด แก้ท้องผูก รักษาอาการแน่นอก และอาเจียนเป็นเลือด ข้อควรระวัง ผู้ที่ระบบย่อยอาหารไม่ดี ไม่ควรกิน
 2. เกาลัด ภาษาจีนเรียกว่า “ เลียกก้วย ” สรรพคุณ มีรสหวานบำรุงไต กล้ามเนื้อ ม้าม และกระเพาะอาหาร แก้ร่างกายอ่อนแอ แก้ไอละลายเสมหะ ท้องเดิน แก้วัณโรคที่ต่อมน้ำเหลืองที่คอโต ข้อควรระวัง ผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับระบบย่อยอาหารไม่ควรกิน ผู้ที่เป็นโรคไขข้ออักเสบ ร้อนใน ตาบวมห้ามกิน
 3. ขิง ภาษาจีนเรียกว่า “ จี๋เกีย ”หมายถึงขิงอ่อนส่วนขิงแก่เรียกว่า “ บอเกีย ” สรรพคุณ ช่วยย่อยอาหารขับเหงื่อ แก้ไอ แก้อาการเมารถเมาเรือ ท้องเสีย รักโรคกระเพาะ ช่วยการไหลเวียนของเลือด ข้อควรระวัง ผู้ที่มีอาการร้อนใน คอแห้ง เจ็บคอ ไม่ควรกิน

 สมุนไพรจีนที่มีฤทธิ์เย็น
1. เก๊กฮวย สรรพคุณ ช่วยขับพิษ ขับลม ขับเหงื่อ แก้ร้อนใน ข้อควรระวัง ผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับระบบขับถ่ายควรกินแต่พอเหมาะ
 2. ขึ้นฉ่าย ภาษาจีนเรียกว่า “ เอียงคึ้ง ”ฝรั่งเรียกว่า “ เซเลอรี่ ” สรรพคุณ ประระดับความดันเลือดให้เป็นปกติ บรรเทาอาการปวด จากโรคเกาต์ ข้อควรระวัง ผู้ที่มีท้องเดินเรื้อรังไม่ควรกินมาก
 3. ถั่วเขียว ภาษาจีนเรียกว่า “ แชเซียวเต่า ” สรรพคุณ แก้ร้อนในกระหายน้ำ รักษาอาการบิด ลดความดันโลหิต ข้อควรระวัง ผู้ที่เป็นโรคเกี่ยวกับม้าม หรือท้องเสียบ่อยๆ ไม่ควรกิน

 สมุนไพรจีนที่มีฤทธิ์เป็นกลาง
1. งา ภาษาจีนเรียกว่า “ อิ่วมั๊ว ” สรรพคุณ แก้ท้องผูกทำให้ลำไส้ชุ่มชื่นรักษาอาการเคล็ดขัดยอก ข้อควรระวัง ไม่มี
 2. เผือก ภาษาจีนเรียกว่า “ โอ่วไน ” “ โอ่วถึง ”หรือ “ โทวจือ ” สรรพคุณ ป้องกันฟันผุ ทำให้กระดูกฟันแข็งแรง บำรุงไต ลำไส้และแก้อาการท้องเสีย ข้อควรระวัง ไม่ควรกินเผือกดิบ เพราะมีพิษ การกินเผือกมากเกินไปจะทำให้ม้ามทำงานได้อย่างไม่ปกติ
3. รังนก ภาษาจีนเรียกว่า “ เอี่ยง ” สรรพคุณ บำรุงร่างกาย ปอด ไต และม้าม บำรุงกำลังแก้อ่อนเพลียแก้ไอ ลดเสมหะ แก้ร้อนใน หอบหืด และห้ามเลือด ข้อควรระวัง รังนกมีราคาแพงการเลือกซื้อควรระวังรังนกปลอม

ในอาหารโต๊ะจีนหลายๆ อย่างก็จะมีสมุนไพรปะปนกันไป นับว่าเป็นภูมิปัญญาชั้นเลิศที่ได้สืบต่อกันมาจากบรรพบุรุษชาวจีนแผ่นดินใหญ่โดยแท้

วันเสาร์ที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

ความเป็นมาของคำว่า โต๊ะจีน


คำว่า "โต๊ะจีน" แสดงว่าไม่ใช่ของคนไทย ต้นกำเนิดโต๊ะจีน ได้เข้ามาในประเทศไทยคงต้องเท้าความไปไกลถึงสมัยกรุงศรีอยุธยา ที่สมัยนั้นมีชาวจีนเข้ามาปักหลักทำกินในไทยเยอะแยะมากมาย ในสมัยนั้นการกินแบบคนจีนคือการนั่งกินบนโต๊ะ และนั่งเก้าอี้กิน ซึ่งแตกต่างจากคนไทยที่นั่งกินบนพื้นแบบง่ายๆ เพราะเป็นวัฒนธรรมจีนที่สืบกันต่อมาอย่างยาวนาน แต่เก้าอี้ที่ว่าก็ไม่ได้หมายถึงเก้าอี้สูงๆเท่านั้น มีเก้าอี้เตี้ยๆก็มี ส่วนการนั่งทานก็นั่งรอบวงกันกินพร้อมๆ กันบนโต๊ะวงกลม บนโต๊ะอาหารก็มีอาหารหลายๆอย่างให้เลือกทานอย่างน้อย 8-10 อย่าง ต่อจากนั้นจึงมีการเรียกว่า การกินอาหารแบบโต๊ะจีน เช่น โต๊ะจีนงานแต่ง โต๊ะจีนงานบวช โต๊ะจีนงานขึ้นบ้านใหม่ ส่วนใหญ่จะจัดเลี้ยงในงานมงคลของชนชั้นสูง เรียกว่าต้องเป็นคนมีเงิน ถ้าใครได้รับเชิญให้เข้าร่วมงานเลี้ยงโต๊ะจีนแล้วละก็ เตรียมล้างท้องไว้รอทานเลย เพราะอาหารบนโต๊ะจีนต้องเป็นอาหารที่ถูกคัดสรรมาอย่างดีแล้วตามหลักโภชนาการ เพราะคนจีนเชื่อว่าอาหารเสริมหยินหยางในร่างกาย วัตถุดิบชั้นดีเลิศบวกกับฝีมือคนปรุงอาหาร รสชาติอาหารจึงอร่อยล้ำ ทานอิ่มหนีจากความจำเจจากอาหารไทย การทานโต๊ะจีนจึงนิยมไปทั่วทุกหัวระแหงนับแต่นั้นมา ในปัจจุบันโต๊ะจีนนิยมใช้จัดงานเลี้ยงได้แทบทุกงานและมีหลากหลายราคา อาหารหลากหลายชนิดแล้วแต่เจ้าภาพต้องการ และส่วนมากจะจัดควบคู่ไปกับวงดนตรีไปด้วย